3,879 views
ไม่รู้ว่าคุณชอบอ่าน “ชื่อเล่น” ของตรอกซอกซอยต่างๆ เหมือนเรารึเปล่า แต่เรารู้สึกอย่างหนึ่งว่าเสน่ห์ของซอยต่างๆ ที่มีชื่อจริงเป็นชื่อถนนกำกับท้ายด้วยตัวเลขอย่างเป็นทางการ อย่างสุขุมวิท 31 นั้นกลับฟังดูไม่น่ารักหรือเป็นมิตรเท่ากับซอยสวัสดี หรือแม้แต่ซอยขนาดเล็กที่อยู่ก่อนถึงซอยสุขุมวิท 55 หรือทองหล่อเพียงนิดเดียวอย่างสุขุมวิท 53 ก็มีชื่อที่เชื้อเชิญให้เราอยากไปๆ มาๆ ในซอยนั้นบ่อยๆ เพราะที่แห่งนี้มีชื่อว่า “ไปดีมาดี”
แม้จะมีคนเก่าคนแก่ชาวสุขุมวิทแย้งให้ฟังว่า แท้ที่จริงแล้วชื่อเรียกขานสุขุมวิท 53 คือ มาดีไปดี เพราะในอดีต ถนนเส้นเล็กสายนี้เป็นเขตปลอดอาชญากรรมโดยสิ้นเชิง เนื่องจากเป็นที่ตั้งของบ้านอธิบดีกรมตำรวจในสมัยหนึ่ง ชาวบ้านจึงเรียกซอยนี้ว่ามาดีไปดี ก่อนจะกลายเป็นไปดีมาดีตั้งแต่เมื่อไรมิอาจทราบได้ แต่ไม่ว่าจะถูกเรียกขานว่าอะไร เสน่ห์ที่แท้จริงของที่นี่นอกจากจะเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่สงบ ร่มรื่น ปลอดภัย มีความเป็นส่วนตัวแล้ว ยังเป็นทำเลที่ซ่อนร้านเด็ดของดีระดับพรีเมียมไว้อย่างหลากหลาย ชนิดที่คุณไม่สามารถใช้เวลาเพียงวันเดียวในการสำรวจที่นี่ได้ครบถึงแก่น หากต้องมาซ้ำอีกหลายๆ ครั้งจึงจะเสพซึ้งถึงเสน่ห์ที่ใหญ่เกินตัวของถนนสายเล็กแห่งนี้
Maison Eric Kayser
ชื่อเสียงของ Eric Kayser อาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายในเมืองไทย แต่สำหรับในฝรั่งเศส กรีซ ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน และฮ่องกงแล้ว ชื่อของหนุ่มปารีเซียงคนนี้เป็นที่รู้จักในฐานะคนทำขนมปัง Sourdough ฝีมือดี ที่ได้รับการสืบทอดวิชาก้นเตาอบแบบรุ่นสู่รุ่นจากบรรพบุรุษมานานกว่า 4 ชั่วอายุคน ดังนั้น การมาเปิดสาขาแรกในกรุงเทพฯ ของเอริก จึงเป็นโอกาสอันดีที่ทำให้เราได้มีโอกาสลิ้มรสขนมอบระดับตำนานกับเขาบ้าง
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures01.jpg)
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures02.jpg)
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures03.jpg)
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures04.jpg)
เรียบง่ายตามสไตล์ฝรั่งเศสคือบรรยากาศภายในร้าน Maison Eric Kayer การตกแต่งด้วยไม้โทนสีอ่อนของตัวร้านเข้ากันเป็นอย่างดีกับสีสันของขนมปังประเภทต่างๆ ที่จัดวางเรียงรายให้ลูกค้าบรรจงเลือกได้ตามชอบใจ ซิกเนเจอร์ที่ยังไงก็ต้องชิมให้ได้เห็นจะเป็น Baguette Monge ขนมปังบาแก็ตสัญลักษณ์แห่งแดนน้ำหอม เทกส์เจอร์กรอบนอกนุ่มใน มีฟองอากาศปรากฏแทรกในเนื้อขนมปังอยู่พราวพราย เป็นหลักฐานบ่งชี้ถึงกรรมวิธีการหมักยีสต์ให้ขึ้นตามธรรมชาตินานกว่า 24 ชั่วโมง ก่อนนำเข้าเตาอบได้เป็นอย่างดี
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures05.jpg)
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures06.jpg)
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures07.jpg)
ทั้งนี้ ขนมปังบ้านเขา ก็เหมือนข้าวสวยบ้านเรา ขนมปังดี นำไปกินกับอะไรก็อร่อย จะปาดกินกับเนย แยม หรือน้ำมันมะกอก ก็อร่อยโดยทั่วกัน
ที่อยู่: ระหว่างทองหล่อซอย 3 และ 5 สุขุมวิท 55 โทร 02-712-9070
เปิดบริการทุกวัน เวลา 07.30 – 22.00 น.
ARROZ
หลังจากที่เชฟ Victor Burgos ปลุกปั้น Thyme: Eatery & Bar ให้กลายเป็นร้านอาหารสเปนสุดฮอตประจำย่านพระรามสามเป็นที่เรียบร้อย เขาก็เขยิบมาอยู่เบื้องหลังงานครัวที่ห้องอาหาร “อารอส” ต่อทันที คราวนี้เขาเลือกหยิบจับเอาประสบการณ์จากบ้านเกิดในเมือง Valladodid ทางตอนเหนือของกรุงแมดริด ประเทศสเปน ที่ขึ้นชื่อเรื่องไวน์เป็นพิเศษ มาเป็นกิมมิกหลักประจำร้านนี้ ด้วยการสรรหาไวน์ลิสต์หลายร้อยรายการมาไว้ที่ร้าน เพื่อใช้เป็นโจทย์ตั้งต้นในการปรุงเมนูต่างๆ ให้เข้ากับไวน์ทุกชนิด ทำให้ที่นี่มีอาหารจากทั่วทุกภูมิภาคของสเปนให้คุณเลือกชิม ไล่มาตั้งแต่อาหารทานเล่นประจำชาติอย่าง Jamon Iberico แฮมคุณภาพดีที่สุดในโลกที่มีความโดดเด่นด้วยเทกส์เจอร์ที่เหนียวนุ่ม และรสชาติที่เค็มแบบกลมกล่อม กินคู่ขนมปัง แล้วจิบไวน์ตามให้ลื่นคอ
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures08.jpg)
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures09.jpg)
และแน่นอนว่าเมนูที่ห้ามพลาดก็คือ บรรดาข้าวอบและข้าวผัดสไตล์สเปน สมกับความหมายของชื่อร้านที่แปลว่า ข้าว โดยจานที่เด่นสุดๆ ต้องยกให้ Black Creamy Rice, Monkfish Cheek ที่แม้จะคล้ายรีซอตโตของอิตาลี แต่มีความครีมมี่กว่าหลายเท่านัก ด้วยความเข้มข้นจากการใช้น้ำสต็อกจากข้าวเคล้าสีดำจากหมึกและเนื้อปลาหมึกเล็กน้อย เพื่อเพิ่มรสสัมผัสกรุบๆ เวลาเคี้ยว จุใจด้วยเนื้อปลากะพงชิ้นใหญ่ให้แกล้มกินในสัดส่วนที่พอดีกัน
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures10.jpg)
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures11.jpg)
ที่อยู่: สุขุมวิท 53 โทร 02-258-7696 facebook.com/arrozbkk
เปิดบริการวันอังคาร – วันศุกร์ เวลา 17.30 – 22.00 น. วันเสาร์และวันอาทิตย์ เวลา 11.30 – 14.30 น. และเวลา 17.30-22.30 น. ปิดวันจันทร์
Bacco – Osteria da Sergio
หนึ่งในสิ่งที่บ่งชี้ว่าทำไมห้องอาหารอิตาเลียนที่ชื่อ “แบ็คโค” แห่งนี้ จึงได้รับการบอกต่อปากต่อปากเสมอมา ก็คือ คำว่า Osteria ที่กำกับเคียงข้างชื่อของเชฟใหญ่ประจำร้านอย่าง Sergio Forte นั่นเอง
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures12.jpg)
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures13.jpg)
เพราะในบรรดาหมวดหมู่ของร้านอาหารอิตาเลียน ที่มีทั้งหรูเลิศอลังการอย่าง Ristorante ที่วางมีดส้อมเรียงรายขนาบซ้ายขวาบนผ้าปูโต๊ะสีขาวทีเรียบตึง หรือลดระดับความเป็นทางการลงมาหน่อยอย่าง Trattoria ก็เห็นจะมี Osteria นี่แหละ ที่เป็นมิตรกับแขกผู้มาเยือนมากที่สุด ถ้าจะเปรียบให้เห็นภาพก็เหมือนกับร้านที่เสิร์ฟอาหารตำรับรสมือแม่ หรือตกแต่งร้านในบรรยากาศราวกับเรากำลังไปกินข้าวบ้านเพื่อน ซึ่งที่แบ็คโคก็เป็นเช่นนั้น เพราะนอกจากเชฟเซอร์จิโอจะลงมือคุมงานครัวเองทุกกระเบียดนิ้ว จนได้อาหารอิตาเลียนรสดั้งเดิมทุกจานแล้ว ยังออกมาต้อนรับขับสู้แขกด้วยตัวเองเสมอ ยิ่งคนอิตาเลียนเองขึ้นชื่อเรื่องอุปนิสัยเฮฮา รักสนุก และเป็นกันเองอยู่แล้ว การได้มากินอาหารที่นี่จึงไม่ใช่แค่ได้อิ่มอร่อยกับพาสต้าดี พิซซ่าเด็ด ไวน์รสเลิศ แต่การได้รับบริการแสนเป็นกันเองที่สุดจากทั้งตัวเจ้าของร้านและบริกรทุกคน คือสิ่งที่ใครต่อใครบอกต่อนั่นเอง
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures14.jpg)
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures15.jpg)
ที่อยู่: สุขุมวิท 53 โทร 02-662-4538 www.bacco-bkk.com
เปิดบริการ วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 11.30-14.30 น. และเวลา 17.30-24.00 น. วันเสาร์และวันอาทิตย์ เวลา 11.20-24.00 น.
Organika House
บอกลาความจอแจของถนนสุขุมวิท แล้วค่อยๆ ให้บรรยากาศแสนสงบร่มรื่นของคาเฟ่และสปาแห่งนี้โอบล้อมตัว ซึ่งทุกรายละเอียดของการตกแต่งภายใน ออร์แกนิก้า เฮ้าส์ ทำหน้าที่ไม่ต่างอะไรกับโอเอซิสใจกลางเมืองใหญ่ ทั้งรูปแบบของความเป็นกลาสเฮ้าส์ เปิดโล่งรับแสงแดดที่สาดส่องทั่วถึงทุกตารางนิ้ว แต่กลับไม่ทำให้รู้สึกร้อนหรือแสบตา เพราะมีสีเขียวของเฟิร์น ไม้ประดับนานาชนิด รากไม้ และเถาวัลย์พันเกี่ยวเลี้ยวลด ช่วยกรองความเจิดจ้าให้ละมุนสายตายิ่งขึ้น
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures16.jpg)
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures17.jpg)
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures18.jpg)
ที่นี่เป็นทั้งคาเฟ่และสปาแบบครบวงจร โดยต่อยอดมาจากช้อปขายผลิตภัณฑ์ประทินผิวภายใต้ชื่อแบรนด์เดียวกันของนักแสดงสาว ศรีริต้า เจนเซ่น ที่ทั้งชอบประทินโฉมและชิมอาหารอร่อย เธอจึงรวบหัวรวบท้ายจับทั้งคาเฟ่และสปามาไว้ในที่เดียวกันเสียเลย ทำให้ในระหว่างที่คุณกำลังรออาหารมื้ออร่อย (เน้นเมนูสุขภาพเป็นหลัก) มาเสิร์ฟ ก็สามารถเลือกดูมอยซ์เจอไรเซอร์ น้ำมันบำรุงผิว หรือเลือกทรีทเมนต์สำหรับทำสปาไปพลาง เช่นเดียวกับถ้าคุณเพิ่งออกจากห้องสปามาหมาดๆ แล้วอยากจิบเครื่องดื่มเย็นๆ เรียกความสดชื่นสักแก้ว ก็มองหาเมนูที่ถูกใจได้จากคาเฟ่ออร์แกนิก้าเช่นกัน
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures19.jpg)
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures20.jpg)
อยู่: ชั้น 6 ตึก A โครงการพิมาน 49 สุขุมวิท 49 โทร 02-665-1899 www.organikahouse.com
เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00 – 21.00 น.
Maison de la Truffe
ภาพบรรยากาศของ “บ้านแห่งทรัฟเฟิล” ณ ปัจจุบัน ซึ่งมีสถานะเป็นถึงร้านอาหารฝรั่งเศสสุดหรูติดอันดับโลก ดูจะห่างไกลลิบลับกับจุดเริ่มต้นของการเป็นเพียงร้านขายของชำเล็กๆ ในกรุงปารีส เมื่อ ค.ศ. 1932 ที่ดำเนินกิจการมาเรื่อยๆ จนเริ่มขยับขยายมาจำหน่ายอาหารชั้นเลิศตำรับไฟน์ ไดน์นิ่ง ตั้งแต่ค.ศ. 1978 เรื่อยมา เอกลักษณ์เด่นที่สุดเห็นจะเป็นการคัดสรรเห็ดทรัฟเฟิล ซึ่งเป็นวัตถุดิบเลอค่าและหายากประจำถิ่น มาเป็นส่วนผสมในหลากหลายเมนูจนกลายเป็นจานเด่นซิกเนเจอร์ ที่ใครๆ ก็ต้องดั้นด้นมาลิ้มรสให้จงได้ จนกระทั่งในปี 2007 เครือ Kaspia Group ได้เข้าซื้อกิจการ ทำให้ชื่อเสียงของ Maison de la Truffe โด่งดังในระดับโลก ด้วยจำนวนสาขาเพียง 3 แห่ง และมีเพียงกรุงเทพฯ เท่านั้นที่เป็นเพียงสาขาแรกและสาขาเดียวในเอเชีย ที่ “บ้านแห่งทรัฟเฟิล” ไว้วางใจมาปักหลักเสิร์ฟอาหารฝรั่งเศสต้นตำรับที่นี่
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures21.jpg)
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures22.jpg)
มาตรฐานของ Maison de la Truffe ถูกรักษาเอาไว้เป็นอย่างดี โดยเชฟชาวฝรั่งเศสที่เดินทางมาคุมทุกรายละเอียดของงานครัวด้วยตนเอง เพื่อไม่ให้รสชาติอาหารผิดเพี้ยนไปจากรสชาติดั้งเดิม เพิ่มเติมด้วยการบรรจงคัดสรรทรัฟเฟิลชั้นดีทั้งชนิดขาวและดำมาเป็นวัตถุดิบหลัก ท่ามกลางลิสต์รายการอาหารหลายอย่าง หากคุณสั่งเมนูที่มีทรัฟเฟิลเป็นส่วนผสมหลัก บริกรจะมาทำการฝานและฝนทรัฟเฟิลสดให้ถึงโต๊ะ ซึ่งคุณสามารถกำหนดปริมาณทรัฟเฟิลได้ตามต้องการ ส่วนถ้าใครหลงใหลกลิ่นและรสของทรัฟเฟิลมากเป็นพิเศษ สามารถเติมน้ำมันมะกอกที่มีส่วนผสมของน้ำมันเห็ดทรัฟเฟิล ซึ่งวางประจำไว้ให้ทุกโต๊ะ เติมความหอมของเห็ดหายากชนิดนี้ได้ตามต้องการ
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures23.jpg)
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures24.jpg)
ที่อยู่: ซอยทองหล่อ 9 โทร 02-054-5422
เปิดบริการทุกวัน เวลา 11.00 – 14.00 น. และเวลา 17.00 – 24.00 น.
โบ.ลาน (Bo.lan)
ร้านอาหารไทยพรีเมียมที่ปรุงเมนูไทยโบราณบ้าง ร่วมสมัยบ้างประสมกันไป บริหารจัดการโดย เชฟโบ – ดวงพร ทรงวิศวะ เชฟหญิงที่ดีที่สุดแห่งเอเชีย ประจำพ.ศ. 2556 ที่จับมือกับหุ้นส่วนชีวิตอย่าง เชฟดิลลัน โจนส์ (Dylan Jones) ชวนกันไปเดินตลาดเช้า จับจ่ายหาซื้อวัตถุดิบสดใหม่ประจำฤดูกาลไม่ซ้ำกันแต่ละวันมานานเกือบ 10 ปีแล้ว ตั้งแต่ครั้งเปิดร้านโบ.ลาน ในซอยสุขุมวิท 26 จนย้ายมาประจำการ ณ ซอยไปดีมาดีแห่งนี้ โดยหลังจากเลือกซื้อวัตถุดิบดีๆ ได้ครบดั่งใจ ทั้งคู่ก็บรรจงหยอดความคิดสร้างสรรค์ลงไปในกระบวนการต้ม ยำ ทำแกง โดยประยุกต์ให้เข้ากับสูตรอาหารไทยแท้แบบดั้งเดิม ปรุงออกมาให้ได้รสชาติอย่างไทยแบบไม่เกรงใจฝรั่ง เพื่อให้ทุกคนที่มาเยือนโบ.ลาน ได้เข้าถึงรสแท้กับข้าวไทยอย่างถึงเครื่องมากที่สุด
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures25.jpg)
และด้วยความที่อาหารแต่ละจานในแต่ละวัน ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบสดใหม่ที่ดีที่สุดที่หาได้ตามฤดูกาลนั้นๆ ทำให้คุณไม่อาจคาดเดาได้อย่างแม่นยำเป๊ะๆ ว่าวันนี้จะได้กินเมนูอะไรบ้างที่โบ.ลาน แต่ที่แน่ๆ คือ คุณจะได้กินอาหารค่ำในแบบสำรับไทยแท้ อย่างที่เราคุ้นเคยกับการล้อมวงตักกับข้าว 3-4 อย่างแชร์กันตรงกลาง กินกับข้าวสวยร้อนๆ จานใครจานมันนั่นแหละ หรือถ้าเป็นมื้อเที่ยงก็จะมีอาหารจานเดียวให้เลือกวันละ 2-3 อย่าง อาทิ ข้าวปิ้งน้ำพริกกะปิหมูหวานและกระเทียมเจียวห่อใบตอง พร้อมต้มจืดปลาหมึกมะพร้าวอ่อน หรือจะเป็นผัดหมี่โคราชใส่ไก่เคียงส้มตำไทยอย่างโคราช ก็เข้าที แม้จะไม่มากชนิด แต่มากความอร่อยครบเครื่องแน่นอน
ที่อยู่: สุขุมวิท 53 โทร 02-260-2961, 02-260-2962 www.bolan.co.th
เปิดบริการมื้อเที่ยงวันเสาร์และวันอาทิตย์ เวลา 12.00 – 14.30 น. และมื้อค่ำ วันอังคาร – วันอาทิตย์ เวลา 18.00-01.00 น. ปิดวันจันทร์
Divana Divine Spa
สปาในเครือ Divana นั้นมีหลายแห่ง แต่ละแห่งมีความแตกต่างในรายละเอียด แต่ยึดโยงกันด้วยหัวใจหลักเดียวกันคือ บรรยากาศที่ใกล้ชิดธรรมชาติ และการบรรจงคัดสรรสารสกัดจากธรรมชาติมาเป็นส่วนผสมหลักในผลิตภัณฑ์ต่างๆ สำหรับดีวานา ดีไวน์ สปาแห่งนี้ต้อนรับเราด้วยสวนสีเขียวแสนร่มรื่นที่หลากหลายด้วยพันธุ์ไม้เขตร้อน โอบล้อมเรือนไม้ทรงไทยที่ภายในมีเหล่าเธอราปิสต์ฝีมือดี เตรียมนวดผ่อนคลาย และประทินโฉมให้เราเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สดชื่นขึ้นกว่าเดิม ทั้งทางร่างกายและอารมณ์
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures26.jpg)
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures27.jpg)
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures28.jpg)
ในบรรดาทรีตเมนต์ที่มีให้เลือกหลากหลาย หนึ่งในแพ็กเกจไฮไลท์ที่ถูกใจเราเสมอมาคือ Organic Golden Silk Royal Pampering ที่เน้นการบำรุงผิวแบบล้ำลึก โดยใช้รังไหม น้ำผึ้ง ผงไข่มุก และทานาคา เป็นส่วนผสมสำคัญในการบำรุงตั้งแต่ผิวหน้าตลอดจนผิวกาย เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนของการสครับ นวดผ่อนคลาย และอาบน้ำนมจนผิวชุ่มชื่นและกระจ่างใส ถูกใจสกินแคร์หรือสครับตัวไหน ก็สามารถหาซื้อกลับไปดูแลตัวเองกันต่อได้ที่บ้านอีกต่างหาก
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures29.jpg)
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures30.jpg)
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures31.jpg)
ที่อยู่: ทองหล่อ 17 สุขุมวิท 55 โทร 02-712-8986 www.divanaspa.com
เปิดบริการ วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 11.00 – 23.00 น. วันเสาร์และวันอาทิตย์ เวลา 10.00 – 23.00 น.
Paintbar Bangkok
ต้องยอมรับว่าในบางอารมณ์ที่เรากำลังกินหรือดื่มเพลินๆ แล้วมีปากกากับกระดาษอยู่ใกล้มือ เป็นอดไม่ได้ที่จะต้องขีดๆ เขียนๆ ตัวหนังสือหรือรูปภาพ เพื่อระบายไอเดียที่อยู่ในหัวให้ออกมาเป็นภาพร่างบนกระดาษ ดังนั้น “เพ้นต์บาร์” จึงตอบโจทย์นี้ได้ดีที่สุด เพราะบาร์สไตล์ลอฟต์สุดเท่แห่งนี้ ไม่เพียงเสิร์ฟไวน์และเบียร์ แกล้มอาหารอร่อย แต่ยังมีแคนวาสให้คุณคนละผืน พร้อมจานสีและทีแปรงพร้อมสรรพอีกด้วย
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures32.jpg)
ด้วยไอเดียของบาร์แบบเดียวกันนี้ในบอสตัน สหรัฐอเมริกา จนเกิดเป็นที่มาของการเนรมิตพื้นที่ในโครงการพิมาน 49 ให้กลายเป็นเหมือนสตูดิโอจิตรกรสุดเท่ ให้คนรักศิลปะ หรือใครก็ตามที่อยากลองเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การกินดื่มแบบใหม่ มาวาดไปกินไป โดยทางร้านจะมีปฏิทินกิจกรรมประจำเดือนให้คนที่สนใจเข้าไปดูโปรแกรมคร่าวๆ ว่าวันนี้มีนัดชวนกันมาหัดวาดภาพอะไร จัดการลงทะเบียนให้พร้อม แล้วมานั่งวาดรูประบายสีไปด้วยกันกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์ จิบไวน์ และกินอาหารสไตล์โฮมเมดจานเล็กๆ ไปด้วย อย่างขนมปังบรูเชตต้าป้ายกินกับตับไก่บด ก็ยิ่งทั้งอร่อย ทั้งวาดรูปสนุก แถมยังได้ผลงานติดมือกลับบ้านอีกต่างหาก
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures33.jpg)
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures34.jpg)
ที่อยู่: โครงการ พิมาน 49 สุขุมวิท 49 โทร 081-612-6105 www.paintbarbangkok.com
เปิดบริการวันอังคาร – วันศุกร์ เวลา 19.00 – 23.00 น. วันเสาร์และวันอาทิตย์ เวลา 13.30 – 23.00 น. ปิดวันจันทร์
Sponsored by Chalermnit Art de Maison Sukhumvit 53
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/CHALERMNITARTDEMAISON.jpg)
Super Luxury Low-Rise Condominium ภายใต้คอนเส็ปต์ The Novel Perspectives of Luxurious Japanese-Inspired Residence หรือจิตวิญญาณแห่งการใช้ชีวิตอันละเมียดละไมของชาวญี่ปุ่น ที่หลอมรวมทั้งศาสตร์และศิลป์เข้าด้วยกันอย่างลงตัว บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จึงหยิบเอาไอเดียดังกล่าวมาสร้างสรรค์เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์โมเดิร์นที่เรียบง่าย ทว่าสะท้อนมุมมองใหม่ของคำว่าหรูหราไปในตัว ทั้งยังเพียบพร้อมด้วย Facilities ระดับโลก ที่คัดสรรมาเพื่อสร้างประสบการณ์พิเศษแห่งการอยู่อาศัย เช่น นวัตกรรม Automatic Parking Service ที่สะดวกสบาย เติมเต็มความผ่อนคลายให้สมบูรณ์แบบด้วย Japanese Indoor Swimming Pool ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากศิลปะของญี่ปุ่น ที่มีเส้นสายสงบเรียบง่ายและสง่างาม รวมถึงออนเซ็นในแบบฉบับญี่ปุ่นแท้ๆ บนทำเลท่ีเงียบสงบใจกลางสุขุมวิท 53 ห่างจาก BTS ทองหล่อและทางด่วนเพียงไม่กี่นาที ราคาเร่ิมต้น 10 ล้านบาท
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/Pool.jpg)
ลงทะเบียนเพื่อรับ Exclusive Privilege ได้ที่ www.chalermnit.com หรือโทร. 1797
แม้จะมีคนเก่าคนแก่ชาวสุขุมวิทแย้งให้ฟังว่า แท้ที่จริงแล้วชื่อเรียกขานสุขุมวิท 53 คือ มาดีไปดี เพราะในอดีต ถนนเส้นเล็กสายนี้เป็นเขตปลอดอาชญากรรมโดยสิ้นเชิง เนื่องจากเป็นที่ตั้งของบ้านอธิบดีกรมตำรวจในสมัยหนึ่ง ชาวบ้านจึงเรียกซอยนี้ว่ามาดีไปดี ก่อนจะกลายเป็นไปดีมาดีตั้งแต่เมื่อไรมิอาจทราบได้ แต่ไม่ว่าจะถูกเรียกขานว่าอะไร เสน่ห์ที่แท้จริงของที่นี่นอกจากจะเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่สงบ ร่มรื่น ปลอดภัย มีความเป็นส่วนตัวแล้ว ยังเป็นทำเลที่ซ่อนร้านเด็ดของดีระดับพรีเมียมไว้อย่างหลากหลาย ชนิดที่คุณไม่สามารถใช้เวลาเพียงวันเดียวในการสำรวจที่นี่ได้ครบถึงแก่น หากต้องมาซ้ำอีกหลายๆ ครั้งจึงจะเสพซึ้งถึงเสน่ห์ที่ใหญ่เกินตัวของถนนสายเล็กแห่งนี้
Maison Eric Kayser
ชื่อเสียงของ Eric Kayser อาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายในเมืองไทย แต่สำหรับในฝรั่งเศส กรีซ ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน และฮ่องกงแล้ว ชื่อของหนุ่มปารีเซียงคนนี้เป็นที่รู้จักในฐานะคนทำขนมปัง Sourdough ฝีมือดี ที่ได้รับการสืบทอดวิชาก้นเตาอบแบบรุ่นสู่รุ่นจากบรรพบุรุษมานานกว่า 4 ชั่วอายุคน ดังนั้น การมาเปิดสาขาแรกในกรุงเทพฯ ของเอริก จึงเป็นโอกาสอันดีที่ทำให้เราได้มีโอกาสลิ้มรสขนมอบระดับตำนานกับเขาบ้าง
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures01.jpg)
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures02.jpg)
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures03.jpg)
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures04.jpg)
เรียบง่ายตามสไตล์ฝรั่งเศสคือบรรยากาศภายในร้าน Maison Eric Kayer การตกแต่งด้วยไม้โทนสีอ่อนของตัวร้านเข้ากันเป็นอย่างดีกับสีสันของขนมปังประเภทต่างๆ ที่จัดวางเรียงรายให้ลูกค้าบรรจงเลือกได้ตามชอบใจ ซิกเนเจอร์ที่ยังไงก็ต้องชิมให้ได้เห็นจะเป็น Baguette Monge ขนมปังบาแก็ตสัญลักษณ์แห่งแดนน้ำหอม เทกส์เจอร์กรอบนอกนุ่มใน มีฟองอากาศปรากฏแทรกในเนื้อขนมปังอยู่พราวพราย เป็นหลักฐานบ่งชี้ถึงกรรมวิธีการหมักยีสต์ให้ขึ้นตามธรรมชาตินานกว่า 24 ชั่วโมง ก่อนนำเข้าเตาอบได้เป็นอย่างดี
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures05.jpg)
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures06.jpg)
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures07.jpg)
ทั้งนี้ ขนมปังบ้านเขา ก็เหมือนข้าวสวยบ้านเรา ขนมปังดี นำไปกินกับอะไรก็อร่อย จะปาดกินกับเนย แยม หรือน้ำมันมะกอก ก็อร่อยโดยทั่วกัน
ที่อยู่: ระหว่างทองหล่อซอย 3 และ 5 สุขุมวิท 55 โทร 02-712-9070
เปิดบริการทุกวัน เวลา 07.30 – 22.00 น.
ARROZ
หลังจากที่เชฟ Victor Burgos ปลุกปั้น Thyme: Eatery & Bar ให้กลายเป็นร้านอาหารสเปนสุดฮอตประจำย่านพระรามสามเป็นที่เรียบร้อย เขาก็เขยิบมาอยู่เบื้องหลังงานครัวที่ห้องอาหาร “อารอส” ต่อทันที คราวนี้เขาเลือกหยิบจับเอาประสบการณ์จากบ้านเกิดในเมือง Valladodid ทางตอนเหนือของกรุงแมดริด ประเทศสเปน ที่ขึ้นชื่อเรื่องไวน์เป็นพิเศษ มาเป็นกิมมิกหลักประจำร้านนี้ ด้วยการสรรหาไวน์ลิสต์หลายร้อยรายการมาไว้ที่ร้าน เพื่อใช้เป็นโจทย์ตั้งต้นในการปรุงเมนูต่างๆ ให้เข้ากับไวน์ทุกชนิด ทำให้ที่นี่มีอาหารจากทั่วทุกภูมิภาคของสเปนให้คุณเลือกชิม ไล่มาตั้งแต่อาหารทานเล่นประจำชาติอย่าง Jamon Iberico แฮมคุณภาพดีที่สุดในโลกที่มีความโดดเด่นด้วยเทกส์เจอร์ที่เหนียวนุ่ม และรสชาติที่เค็มแบบกลมกล่อม กินคู่ขนมปัง แล้วจิบไวน์ตามให้ลื่นคอ
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures08.jpg)
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures09.jpg)
และแน่นอนว่าเมนูที่ห้ามพลาดก็คือ บรรดาข้าวอบและข้าวผัดสไตล์สเปน สมกับความหมายของชื่อร้านที่แปลว่า ข้าว โดยจานที่เด่นสุดๆ ต้องยกให้ Black Creamy Rice, Monkfish Cheek ที่แม้จะคล้ายรีซอตโตของอิตาลี แต่มีความครีมมี่กว่าหลายเท่านัก ด้วยความเข้มข้นจากการใช้น้ำสต็อกจากข้าวเคล้าสีดำจากหมึกและเนื้อปลาหมึกเล็กน้อย เพื่อเพิ่มรสสัมผัสกรุบๆ เวลาเคี้ยว จุใจด้วยเนื้อปลากะพงชิ้นใหญ่ให้แกล้มกินในสัดส่วนที่พอดีกัน
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures10.jpg)
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures11.jpg)
ที่อยู่: สุขุมวิท 53 โทร 02-258-7696 facebook.com/arrozbkk
เปิดบริการวันอังคาร – วันศุกร์ เวลา 17.30 – 22.00 น. วันเสาร์และวันอาทิตย์ เวลา 11.30 – 14.30 น. และเวลา 17.30-22.30 น. ปิดวันจันทร์
Bacco – Osteria da Sergio
หนึ่งในสิ่งที่บ่งชี้ว่าทำไมห้องอาหารอิตาเลียนที่ชื่อ “แบ็คโค” แห่งนี้ จึงได้รับการบอกต่อปากต่อปากเสมอมา ก็คือ คำว่า Osteria ที่กำกับเคียงข้างชื่อของเชฟใหญ่ประจำร้านอย่าง Sergio Forte นั่นเอง
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures12.jpg)
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures13.jpg)
เพราะในบรรดาหมวดหมู่ของร้านอาหารอิตาเลียน ที่มีทั้งหรูเลิศอลังการอย่าง Ristorante ที่วางมีดส้อมเรียงรายขนาบซ้ายขวาบนผ้าปูโต๊ะสีขาวทีเรียบตึง หรือลดระดับความเป็นทางการลงมาหน่อยอย่าง Trattoria ก็เห็นจะมี Osteria นี่แหละ ที่เป็นมิตรกับแขกผู้มาเยือนมากที่สุด ถ้าจะเปรียบให้เห็นภาพก็เหมือนกับร้านที่เสิร์ฟอาหารตำรับรสมือแม่ หรือตกแต่งร้านในบรรยากาศราวกับเรากำลังไปกินข้าวบ้านเพื่อน ซึ่งที่แบ็คโคก็เป็นเช่นนั้น เพราะนอกจากเชฟเซอร์จิโอจะลงมือคุมงานครัวเองทุกกระเบียดนิ้ว จนได้อาหารอิตาเลียนรสดั้งเดิมทุกจานแล้ว ยังออกมาต้อนรับขับสู้แขกด้วยตัวเองเสมอ ยิ่งคนอิตาเลียนเองขึ้นชื่อเรื่องอุปนิสัยเฮฮา รักสนุก และเป็นกันเองอยู่แล้ว การได้มากินอาหารที่นี่จึงไม่ใช่แค่ได้อิ่มอร่อยกับพาสต้าดี พิซซ่าเด็ด ไวน์รสเลิศ แต่การได้รับบริการแสนเป็นกันเองที่สุดจากทั้งตัวเจ้าของร้านและบริกรทุกคน คือสิ่งที่ใครต่อใครบอกต่อนั่นเอง
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures14.jpg)
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures15.jpg)
ที่อยู่: สุขุมวิท 53 โทร 02-662-4538 www.bacco-bkk.com
เปิดบริการ วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 11.30-14.30 น. และเวลา 17.30-24.00 น. วันเสาร์และวันอาทิตย์ เวลา 11.20-24.00 น.
Organika House
บอกลาความจอแจของถนนสุขุมวิท แล้วค่อยๆ ให้บรรยากาศแสนสงบร่มรื่นของคาเฟ่และสปาแห่งนี้โอบล้อมตัว ซึ่งทุกรายละเอียดของการตกแต่งภายใน ออร์แกนิก้า เฮ้าส์ ทำหน้าที่ไม่ต่างอะไรกับโอเอซิสใจกลางเมืองใหญ่ ทั้งรูปแบบของความเป็นกลาสเฮ้าส์ เปิดโล่งรับแสงแดดที่สาดส่องทั่วถึงทุกตารางนิ้ว แต่กลับไม่ทำให้รู้สึกร้อนหรือแสบตา เพราะมีสีเขียวของเฟิร์น ไม้ประดับนานาชนิด รากไม้ และเถาวัลย์พันเกี่ยวเลี้ยวลด ช่วยกรองความเจิดจ้าให้ละมุนสายตายิ่งขึ้น
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures16.jpg)
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures17.jpg)
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures18.jpg)
ที่นี่เป็นทั้งคาเฟ่และสปาแบบครบวงจร โดยต่อยอดมาจากช้อปขายผลิตภัณฑ์ประทินผิวภายใต้ชื่อแบรนด์เดียวกันของนักแสดงสาว ศรีริต้า เจนเซ่น ที่ทั้งชอบประทินโฉมและชิมอาหารอร่อย เธอจึงรวบหัวรวบท้ายจับทั้งคาเฟ่และสปามาไว้ในที่เดียวกันเสียเลย ทำให้ในระหว่างที่คุณกำลังรออาหารมื้ออร่อย (เน้นเมนูสุขภาพเป็นหลัก) มาเสิร์ฟ ก็สามารถเลือกดูมอยซ์เจอไรเซอร์ น้ำมันบำรุงผิว หรือเลือกทรีทเมนต์สำหรับทำสปาไปพลาง เช่นเดียวกับถ้าคุณเพิ่งออกจากห้องสปามาหมาดๆ แล้วอยากจิบเครื่องดื่มเย็นๆ เรียกความสดชื่นสักแก้ว ก็มองหาเมนูที่ถูกใจได้จากคาเฟ่ออร์แกนิก้าเช่นกัน
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures19.jpg)
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures20.jpg)
อยู่: ชั้น 6 ตึก A โครงการพิมาน 49 สุขุมวิท 49 โทร 02-665-1899 www.organikahouse.com
เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00 – 21.00 น.
Maison de la Truffe
ภาพบรรยากาศของ “บ้านแห่งทรัฟเฟิล” ณ ปัจจุบัน ซึ่งมีสถานะเป็นถึงร้านอาหารฝรั่งเศสสุดหรูติดอันดับโลก ดูจะห่างไกลลิบลับกับจุดเริ่มต้นของการเป็นเพียงร้านขายของชำเล็กๆ ในกรุงปารีส เมื่อ ค.ศ. 1932 ที่ดำเนินกิจการมาเรื่อยๆ จนเริ่มขยับขยายมาจำหน่ายอาหารชั้นเลิศตำรับไฟน์ ไดน์นิ่ง ตั้งแต่ค.ศ. 1978 เรื่อยมา เอกลักษณ์เด่นที่สุดเห็นจะเป็นการคัดสรรเห็ดทรัฟเฟิล ซึ่งเป็นวัตถุดิบเลอค่าและหายากประจำถิ่น มาเป็นส่วนผสมในหลากหลายเมนูจนกลายเป็นจานเด่นซิกเนเจอร์ ที่ใครๆ ก็ต้องดั้นด้นมาลิ้มรสให้จงได้ จนกระทั่งในปี 2007 เครือ Kaspia Group ได้เข้าซื้อกิจการ ทำให้ชื่อเสียงของ Maison de la Truffe โด่งดังในระดับโลก ด้วยจำนวนสาขาเพียง 3 แห่ง และมีเพียงกรุงเทพฯ เท่านั้นที่เป็นเพียงสาขาแรกและสาขาเดียวในเอเชีย ที่ “บ้านแห่งทรัฟเฟิล” ไว้วางใจมาปักหลักเสิร์ฟอาหารฝรั่งเศสต้นตำรับที่นี่
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures21.jpg)
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures22.jpg)
มาตรฐานของ Maison de la Truffe ถูกรักษาเอาไว้เป็นอย่างดี โดยเชฟชาวฝรั่งเศสที่เดินทางมาคุมทุกรายละเอียดของงานครัวด้วยตนเอง เพื่อไม่ให้รสชาติอาหารผิดเพี้ยนไปจากรสชาติดั้งเดิม เพิ่มเติมด้วยการบรรจงคัดสรรทรัฟเฟิลชั้นดีทั้งชนิดขาวและดำมาเป็นวัตถุดิบหลัก ท่ามกลางลิสต์รายการอาหารหลายอย่าง หากคุณสั่งเมนูที่มีทรัฟเฟิลเป็นส่วนผสมหลัก บริกรจะมาทำการฝานและฝนทรัฟเฟิลสดให้ถึงโต๊ะ ซึ่งคุณสามารถกำหนดปริมาณทรัฟเฟิลได้ตามต้องการ ส่วนถ้าใครหลงใหลกลิ่นและรสของทรัฟเฟิลมากเป็นพิเศษ สามารถเติมน้ำมันมะกอกที่มีส่วนผสมของน้ำมันเห็ดทรัฟเฟิล ซึ่งวางประจำไว้ให้ทุกโต๊ะ เติมความหอมของเห็ดหายากชนิดนี้ได้ตามต้องการ
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures23.jpg)
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures24.jpg)
ที่อยู่: ซอยทองหล่อ 9 โทร 02-054-5422
เปิดบริการทุกวัน เวลา 11.00 – 14.00 น. และเวลา 17.00 – 24.00 น.
โบ.ลาน (Bo.lan)
ร้านอาหารไทยพรีเมียมที่ปรุงเมนูไทยโบราณบ้าง ร่วมสมัยบ้างประสมกันไป บริหารจัดการโดย เชฟโบ – ดวงพร ทรงวิศวะ เชฟหญิงที่ดีที่สุดแห่งเอเชีย ประจำพ.ศ. 2556 ที่จับมือกับหุ้นส่วนชีวิตอย่าง เชฟดิลลัน โจนส์ (Dylan Jones) ชวนกันไปเดินตลาดเช้า จับจ่ายหาซื้อวัตถุดิบสดใหม่ประจำฤดูกาลไม่ซ้ำกันแต่ละวันมานานเกือบ 10 ปีแล้ว ตั้งแต่ครั้งเปิดร้านโบ.ลาน ในซอยสุขุมวิท 26 จนย้ายมาประจำการ ณ ซอยไปดีมาดีแห่งนี้ โดยหลังจากเลือกซื้อวัตถุดิบดีๆ ได้ครบดั่งใจ ทั้งคู่ก็บรรจงหยอดความคิดสร้างสรรค์ลงไปในกระบวนการต้ม ยำ ทำแกง โดยประยุกต์ให้เข้ากับสูตรอาหารไทยแท้แบบดั้งเดิม ปรุงออกมาให้ได้รสชาติอย่างไทยแบบไม่เกรงใจฝรั่ง เพื่อให้ทุกคนที่มาเยือนโบ.ลาน ได้เข้าถึงรสแท้กับข้าวไทยอย่างถึงเครื่องมากที่สุด
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures25.jpg)
และด้วยความที่อาหารแต่ละจานในแต่ละวัน ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบสดใหม่ที่ดีที่สุดที่หาได้ตามฤดูกาลนั้นๆ ทำให้คุณไม่อาจคาดเดาได้อย่างแม่นยำเป๊ะๆ ว่าวันนี้จะได้กินเมนูอะไรบ้างที่โบ.ลาน แต่ที่แน่ๆ คือ คุณจะได้กินอาหารค่ำในแบบสำรับไทยแท้ อย่างที่เราคุ้นเคยกับการล้อมวงตักกับข้าว 3-4 อย่างแชร์กันตรงกลาง กินกับข้าวสวยร้อนๆ จานใครจานมันนั่นแหละ หรือถ้าเป็นมื้อเที่ยงก็จะมีอาหารจานเดียวให้เลือกวันละ 2-3 อย่าง อาทิ ข้าวปิ้งน้ำพริกกะปิหมูหวานและกระเทียมเจียวห่อใบตอง พร้อมต้มจืดปลาหมึกมะพร้าวอ่อน หรือจะเป็นผัดหมี่โคราชใส่ไก่เคียงส้มตำไทยอย่างโคราช ก็เข้าที แม้จะไม่มากชนิด แต่มากความอร่อยครบเครื่องแน่นอน
ที่อยู่: สุขุมวิท 53 โทร 02-260-2961, 02-260-2962 www.bolan.co.th
เปิดบริการมื้อเที่ยงวันเสาร์และวันอาทิตย์ เวลา 12.00 – 14.30 น. และมื้อค่ำ วันอังคาร – วันอาทิตย์ เวลา 18.00-01.00 น. ปิดวันจันทร์
Divana Divine Spa
สปาในเครือ Divana นั้นมีหลายแห่ง แต่ละแห่งมีความแตกต่างในรายละเอียด แต่ยึดโยงกันด้วยหัวใจหลักเดียวกันคือ บรรยากาศที่ใกล้ชิดธรรมชาติ และการบรรจงคัดสรรสารสกัดจากธรรมชาติมาเป็นส่วนผสมหลักในผลิตภัณฑ์ต่างๆ สำหรับดีวานา ดีไวน์ สปาแห่งนี้ต้อนรับเราด้วยสวนสีเขียวแสนร่มรื่นที่หลากหลายด้วยพันธุ์ไม้เขตร้อน โอบล้อมเรือนไม้ทรงไทยที่ภายในมีเหล่าเธอราปิสต์ฝีมือดี เตรียมนวดผ่อนคลาย และประทินโฉมให้เราเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สดชื่นขึ้นกว่าเดิม ทั้งทางร่างกายและอารมณ์
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures26.jpg)
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures27.jpg)
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures28.jpg)
ในบรรดาทรีตเมนต์ที่มีให้เลือกหลากหลาย หนึ่งในแพ็กเกจไฮไลท์ที่ถูกใจเราเสมอมาคือ Organic Golden Silk Royal Pampering ที่เน้นการบำรุงผิวแบบล้ำลึก โดยใช้รังไหม น้ำผึ้ง ผงไข่มุก และทานาคา เป็นส่วนผสมสำคัญในการบำรุงตั้งแต่ผิวหน้าตลอดจนผิวกาย เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนของการสครับ นวดผ่อนคลาย และอาบน้ำนมจนผิวชุ่มชื่นและกระจ่างใส ถูกใจสกินแคร์หรือสครับตัวไหน ก็สามารถหาซื้อกลับไปดูแลตัวเองกันต่อได้ที่บ้านอีกต่างหาก
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures29.jpg)
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures30.jpg)
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures31.jpg)
ที่อยู่: ทองหล่อ 17 สุขุมวิท 55 โทร 02-712-8986 www.divanaspa.com
เปิดบริการ วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 11.00 – 23.00 น. วันเสาร์และวันอาทิตย์ เวลา 10.00 – 23.00 น.
Paintbar Bangkok
ต้องยอมรับว่าในบางอารมณ์ที่เรากำลังกินหรือดื่มเพลินๆ แล้วมีปากกากับกระดาษอยู่ใกล้มือ เป็นอดไม่ได้ที่จะต้องขีดๆ เขียนๆ ตัวหนังสือหรือรูปภาพ เพื่อระบายไอเดียที่อยู่ในหัวให้ออกมาเป็นภาพร่างบนกระดาษ ดังนั้น “เพ้นต์บาร์” จึงตอบโจทย์นี้ได้ดีที่สุด เพราะบาร์สไตล์ลอฟต์สุดเท่แห่งนี้ ไม่เพียงเสิร์ฟไวน์และเบียร์ แกล้มอาหารอร่อย แต่ยังมีแคนวาสให้คุณคนละผืน พร้อมจานสีและทีแปรงพร้อมสรรพอีกด้วย
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures32.jpg)
ด้วยไอเดียของบาร์แบบเดียวกันนี้ในบอสตัน สหรัฐอเมริกา จนเกิดเป็นที่มาของการเนรมิตพื้นที่ในโครงการพิมาน 49 ให้กลายเป็นเหมือนสตูดิโอจิตรกรสุดเท่ ให้คนรักศิลปะ หรือใครก็ตามที่อยากลองเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การกินดื่มแบบใหม่ มาวาดไปกินไป โดยทางร้านจะมีปฏิทินกิจกรรมประจำเดือนให้คนที่สนใจเข้าไปดูโปรแกรมคร่าวๆ ว่าวันนี้มีนัดชวนกันมาหัดวาดภาพอะไร จัดการลงทะเบียนให้พร้อม แล้วมานั่งวาดรูประบายสีไปด้วยกันกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์ จิบไวน์ และกินอาหารสไตล์โฮมเมดจานเล็กๆ ไปด้วย อย่างขนมปังบรูเชตต้าป้ายกินกับตับไก่บด ก็ยิ่งทั้งอร่อย ทั้งวาดรูปสนุก แถมยังได้ผลงานติดมือกลับบ้านอีกต่างหาก
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures33.jpg)
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/culturedcreatures34.jpg)
ที่อยู่: โครงการ พิมาน 49 สุขุมวิท 49 โทร 081-612-6105 www.paintbarbangkok.com
เปิดบริการวันอังคาร – วันศุกร์ เวลา 19.00 – 23.00 น. วันเสาร์และวันอาทิตย์ เวลา 13.30 – 23.00 น. ปิดวันจันทร์
Sponsored by Chalermnit Art de Maison Sukhumvit 53
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/CHALERMNITARTDEMAISON.jpg)
Super Luxury Low-Rise Condominium ภายใต้คอนเส็ปต์ The Novel Perspectives of Luxurious Japanese-Inspired Residence หรือจิตวิญญาณแห่งการใช้ชีวิตอันละเมียดละไมของชาวญี่ปุ่น ที่หลอมรวมทั้งศาสตร์และศิลป์เข้าด้วยกันอย่างลงตัว บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จึงหยิบเอาไอเดียดังกล่าวมาสร้างสรรค์เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์โมเดิร์นที่เรียบง่าย ทว่าสะท้อนมุมมองใหม่ของคำว่าหรูหราไปในตัว ทั้งยังเพียบพร้อมด้วย Facilities ระดับโลก ที่คัดสรรมาเพื่อสร้างประสบการณ์พิเศษแห่งการอยู่อาศัย เช่น นวัตกรรม Automatic Parking Service ที่สะดวกสบาย เติมเต็มความผ่อนคลายให้สมบูรณ์แบบด้วย Japanese Indoor Swimming Pool ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากศิลปะของญี่ปุ่น ที่มีเส้นสายสงบเรียบง่ายและสง่างาม รวมถึงออนเซ็นในแบบฉบับญี่ปุ่นแท้ๆ บนทำเลท่ีเงียบสงบใจกลางสุขุมวิท 53 ห่างจาก BTS ทองหล่อและทางด่วนเพียงไม่กี่นาที ราคาเร่ิมต้น 10 ล้านบาท
![](http://www.chalermnit.com/uploads/userfiles/images/Pool.jpg)
ลงทะเบียนเพื่อรับ Exclusive Privilege ได้ที่ www.chalermnit.com หรือโทร. 1797